วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทที่ 1 แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่

1.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสารสนเทศ

     ด้วยปัจจุบันนี้เป็นยุคข้อมูล ข่าสาร   และความรู้หรือบางคนอาจกล่าวว่าเป็นยุคของสังคมสารสนเทศนั่นเอง ที่มีการศึกษาค้นคว้า วิจัย และทดลองในสาขาวิชาต่างๆมากมาย ทำให้เกิดมีความต้องการใช้ ข้อมูลข่าวสาร  สารสนเทศเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  ที่เอื้ออำนวยให้เพิ่มปริมาณสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว
https://www.google.co.th/url?sa=i&rct

2.ความหมายของสารสนเทศ

     สารสนเทศ หรือสารนิเทศ (Information) เป็นคำเดียวกันซึ่งสามารถให้ความหมายอย่างกว้างๆว่าหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เรื่องราว ข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความหมายในเชิงลึกว่า หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ผ่านการประมวลผล ซึ่งมีความหมายและสามารถนำไปใช้ใน การตัดสินใจในชีวิตประจำวันหรือการทำงานนั้นๆ
      สรุปได้ว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ได้มีการจัดการไม่ว่าจะเป็นการคิดคำนวณประมวลผลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ ได้มีการคัดเลือกสรรและนำไปใช้ให้ทันต่อความต้องการในการใช้งาน และทันเวลา
https://www.google.co.th/url?sa=i&rct=j&q=


3.ความสำคัญของสารสนเทศ

      สารสนเทศเป็นปัจจัยที่สำคัญในโลกปัจจุบันนี้   ทั้งนี้เพราะการกำหนดแนวทางพัฒนานโยบายทางด้านการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ  การศึกษา  สังคม  และวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์และสังคมเพื่อเสริมสร้างความรู้อันที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตทั้งด้านการงานนั้น อีกทั้งเป็นแนวทางในการแก้ไข ปัญหา ช่วยในการวางแผน และช่วยตัดสินใจ    อย่างเช่นหากผู้ใดที่รู้จักใฝ่เรียนรู้และได้รับสารสนเทศที่ดี   มีคุณค่า   และมีความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ย่อมมีชัยชนะเหนือผู้อื่น ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต โดยเฉพาะการเข้าถึงสารสนเทศของยุคสังคมข่าวสาร    ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร  ในการทำงาน  และการเรียนรู้นั้นจะมีการเข้าถึงสารสนเทศโดยระบบเครือข่าย  การติดต่อสื่อสารผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์   ตลอดทั้งการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารบนระบบอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แพร่หลายในสังคมสารสนเทศที่เน้นคุณค่าของข้อมูล ข่าวสาร มีการจัดเก็บ   และการใช้ประโยชน์ มีการวิจัยพัฒนาเพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสาร สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ที่มีความสำคัญต่อการวิจัย   และการพัฒนาต่อไป

4.ประเภทของสารสนเทศ

     การจำแนกประเภทของสารสนเทศ   ได้มีการจำแนกออกเป็น ตามแหล่งสารสนเทศ  และตามสื่อที่
จัดเก็บ ดังนี้

   1. สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามการรวบรวมหรือจัดกระทำกับสารสนเทศ จำแนกได้ดังนี้
     1.1 แหล่งปฐมภูมิ (Primary Source) คือ สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการ ผลของการศึกษาค้นคว้า วิจัย รายงาน การค้นพบทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
     1.2 แหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่  จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีย์ และสาระสังเขปเพื่อประโยชน์ในการเข้าถึง  และสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
     1.3 แหล่ง ตติยภมูิ (Tertiary Source) คือ สารสนเทศทที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหาสารสนเทศ
จากแหล่งปฐมภูมิ และทุติยภูมิ จะไม่ได้ให้เนื้อหาสาระโดยตรง แต่จะมีประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ความรู้เฉพาะสาขาวิชา ได้แก่ บรรณานุกรม นามานุกรม

   2. สารสนเทศจำแนกตามสื่อที่จัดเก็บ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามชนิดของสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ได้แก่ กระดาษ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อแสง
     2.1 กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทีก รวมทั้งการเขียนและการพิมพ์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบัน
     2.2 วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์มชนิดต่างๆ ทั้งที่เป็นม้วนและเป็นแผ่น มีการจัดเรียงลำดับเนื้อหาตามต้น เช่น เอกสารจดหมายเหตุ หนังสือพิมพ์ เอกสารสำคัญ วิทยานิพนธ์เป็นต้น
     2.3 สื่ออิเล็กทรอนิกหรือสื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสังเคราะห์เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถบันทึกและแก้ไขข้อมูลได้สะดวกทั้งข้อมูลที่เป็นแอนาล็อก และดิจิตอล เช่น เทปวีดิทัศน์ เทปบันทึกเสียงฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
     2.4 สื่อแสงหรือสื่อออปติก (Optical Media) เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ เช่น ซีดี-รอม ดีวิดี เป็นต้น ซึ่งมีความจุมากเป็นพิเศษ
https://www.google.co.th/url?sa=i&rct=j&q

5.คุณสมบัติของสารสนเทศ

   คุณสมบัติของสารสนเทศที่ดี มี 10 ลักษณะ ดังนี้
     1) สามารถเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) หมายถึงความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงสารสนเทศ
     2) มีความถูกต้อง (Accurate) สารสนเทศที่ดีต้องมีความเที่ยงตรง และเชื่่อถือได้ โดยไม่มีความ
คาดเคลื่อนหรือมีความคาดเคลื่อนน้อยที่สุด
     3) มีความครบถ้วน (Completeness) สารสนเทศที่ดีต้องมีความสมบูรณ์ที่จะช่วยในการตัดสินใจ
เป็นไปด้วยความถูกต้อง
     4) ความเหมาะสม (Appropriateness) พิจารณาถึงการได้รับสารสนเทศตรงกับความต้องการ
ของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด

     5) ความทันต่อเวลา (Timeliness) สารสนเทศต้องได้มาให้ทันต่อเวลาในการใช้งาน หมายความ
ว่าสารสนเทศต้องมีระยะเวลาสั้น มีความรวดเร็วในการประมวลผล

     6) ความชัดเจน (Clarity) คือสารสนเทศที่ไม่ต้องมีการตีความ ไม่กำกวม ไม่คลุมเครือ และไม่ต้อง
หารคำตอบเพิ่มเติม
     7) ความยืดหยุ่น (Flexibility) เป็นการนำสารสนเทศไปปรับใช้ได้ในหลายสถานณการณ์ หรือเป็น
สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างกว้างขวาง มากกว่าเป็นสารสนเทศที่เฉพาะบุคคล
     8) ความสามารถในการพิสูจน์ได้ (Verifiability) โดยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของสารสนเทศว่าใคร
เป็นผู้รับผิดชอบในการผลิต สามารถพิสูจน์หรอตรวสอบได้ว่าเป็นความจริง
     9) ความซ้ำซ้อน (Redundancy) สารสนเทศที่ดีต้องไม่มีความซ้ำซ้อน
     10) ความไม่ลำเอียง (Bias) ลักษณะสารสนเทศที่ผลิตขึ้น ไม่มีเจตนาในการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขไว้ล่วงหน้า

https://www.google.co.th/url?sa=i&rct=j&q=&esrc=

6.แหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ


   แหล่งสารสนเทศ หมายถึงแหล่งที่เกิด แหล่งที่ผลิต หรือแหล่งที่จัดเก็บและให้บริการทรัพยากรสารสนเทศ แบ่งได้ 4 แหล่ง ดังนี้
     1) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบัน หมายถึง สถาบันที่ตั้งขึ้นมา  เพื่อจัดหารวบรวมวัสดุสารสนเทศ
ชนิดต่าง ๆ มาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ
     2) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ คือ แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่จริง หรือสถานที่จำลอง ซึ่ง
ผู้ใช้สามารถไปศึกษาหารความรู้จากตัวสถานที่เหล่านั้น
     3) แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญบางสาขา
วิชาจะมีผลงานเป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ
     4) แหล่งสารสนเทศที่เป็นเหตุการณ์ ได้แก่ กิจกรรมหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
     5) แหล่งสารสนเทมศสื่อมวลชน ซึ่งเป็นแหล่งที่มุ่งเผยแพร่สารสนเทศ ที่เป็นเหตุการณ์ ข่าวสารโดยเน้นความทันสมัยต่อเหตุการณ์
     6) แหล่งสารสนเทศที่เป็นอินเทอร์เน็ต เป็นแหล่งสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โปรแกรมคอมพิวเตอร์  และข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยใช้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล การสนทนาทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสังคมออนไลน์

https://www.google.co.th/url?sa=i&rct=j&q=&esrc=s

7.ทรัพยากรสารสนเทศ (Information Resources or Information Materials)

   ทรัพยากรสารสนเทศ หมายถึง วัสดุหรือสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ ความรู้ และ
ความคิดต่างๆ หรืออาจเรียกว่า วัสดุสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
     1) ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) เป็นสารสนเทศที่มีลักษณะเป็นแผ่น หรือรูปเล่มที่
ตีพิมพ์ในกระดาษ มีขนาดต่าง ๆ กัน และมีหลาหหลายรูปแบบ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร
และกฤตภาค เป็นต้น
   - หนังสือ (Book) คือ สิ่งพิมพ์ที่เป็นรูปเล่ม มีการบันทึกสารสนเทศเป็นเรื่องราว
   -วารสาร (Periodicals) คือสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Serial) ที่มีวาระการออกที่แน่นอน เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน เป็นต้น
   - หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศรายวัน เป็นการรายงานข่าวเหตุการณ์ประจำวัน
   - จุลสาร (Pamphlet) เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กที่มีเนื้อหาเฉพาะด้าน อาจจะเป็นกระดาษชิ้นเล็กๆ เพียงแผ่นเดียว หรือเป็นแผ่นพับ
   - กฤตภาค (Clipping) เป็นสิ่งพิมพ์ที่นำเรื่องราว สารสนเทศที่สำคัญจากหนังสือพิมพ์ มีการจัดเก็บใส่แฟ้ม แยกเป็นเรื่องๆ
     2) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non printed Materials) คือทรัพยากรสารสนเทศที่มีลักษณะสำคัญ ที่
แตกต่างจากทรัพยากรตีพิมพ์ ที่ให้สารสนเทศ ความรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทางหู ตา ด้วยการดูและการฟัง ทำให้สื่อความหมาย เข้าใจง่าย เกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องผู้ใช้สามารถจดจำและเข้าใจเรื่องที่ต้องการศึกษาได้ง่ายกว่าการอ่านหนังสือ มีรูปแบบลักษณะหลากหลาย
   - ทัศนวัสดุ (Visual Materials) เป็นทรัพยากรที่ใช้การมองเห็นหรือสัมผัสเพื่อรับรู้สารสนเทศโดยการดู
   - โสตวัสดุ (Audio Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่รับรู้สารสนเทศด้วยการฟังเสียงเพียงอย่างเดียว
   - โสตทัศนวัสดุ (Audiovisual Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่ให้เสียง และภาพเคลื่อนไหวจึงนับเป็นทรัพยากรที่สื่อสารสนเทศได้ครบถ้วนมาก
     3) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Media) หมายถึง การจัดเก็บสารสนเทศที่อยู่ในรูปของ ดิจิทัล (Digital) ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง สามารถบันทึกสารสนเทศได้ทั้งที่เป็นตัว
อักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยจำแนกออกเป็น
   - ฐานข้อมูลออฟไลน์ (Offline Database) เป็นสารสนเทศทีสื่อสารกันได้เฉพาะคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเครื่องใดเท่านั้น
   - ฐานข้อมูลออนไลน์ เป็นแหล่งสารสนเทศที่มีการรวบรวมอย่างป็นระบบ เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บและค้นหาสารสนเทศ โดยผู้ใช้สามารถสืบค้นได้จากระบบเครือข่ายที่จัดให้บริการ ปัจจุบันนี้ระบบที่ใช้กันในชีวิตประจำวันก็คืออินเทอร์เน็ต


http://4.bp.blogspot.com/-8ueeI4auBzI/UL